อาหารสมองเด็ก : Sound & Learn”
“ดนตรีกับเด็ก” นั้น เป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว
เด็กทุกคนจะตอบสนองต่อจังหวะและเสียงดนตรีได้เองโดยอัตโนมัติ เราจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อเด็กได้ยิน
เสียงเพลงที่มีท่วงทำนองถูกใจและจังหวะที่สนุก เด็กก็จะเคลื่อนไหวร่างกายและกระโดดโลดเต้นอย่างมี
ความสุขสนุกสนาน ที่เป็นเช่นนี้เพราะโดยธรรมชาติแล้วดนตรีสามารถตอบสนองความต้องการทางด้าน
ร่างกาย อารมณ์ จิตใจและสังคมของเด็กได้โดยตรง และดนตรียังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริม
พัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็กได้อีกด้วย ดังนี้
ดนตรีช่วยพัฒนาร่างกาย
เมื่อเด็กได้ยินเสียงดนตรี เขาจะกระโดดโลดเต้น ยักเอวยักไหล่เข้ากับจังหวะดนตรี หรืออาจ
จะร้องเพลงและเล่นดนตรีตามจังหวะ เด็กเล็กๆ ชอบที่จะเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเพลง ซึ่งกิจกรรมนี้
ช่วยให้เด็กๆ ได้ใช้กล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่เกือบทุกส่วนของร่างกาย และยังได้ออกกำลังกาย
อีกด้วย
ดนตรีช่วยพัฒนาอารมณ์และจิตใจ
กิจกรรมดนตรีเป็นสื่อเร้าให้เด็กๆ ได้แสดงออกทางอารมณ์ เช่น อารมณ์สนุกสนาน ตื่นเต้น
พอใจ สงบ ฯลฯ อารมณ์ความรู้สึกของคน มีขึ้นมีลงคล้ายท่วงทำนองของเสียงดนตรี ดนตรีที่มีจังหวะเร็ว
จะทำให้เด็กๆ มีอารมณ์แจ่มใส จิตใจเบิกบาน ขณะที่ดนตรีที่มีจังหวะช้าจะทำให้เด็กมีอารมณ์
ผ่อนคลาย มีสมาธิและช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้สงบเยือกเย็น
ดนตรีช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม
กิจกรรมดนตรีแบบกลุ่ม เช่น การร้องเพลง เต้นระบำ รำละคร หรือเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ในวัย
เดียวกัน มีการผลัดกันเป็นผู้นำ - ผู้ตาม ช่วยให้เด็กเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นและรู้จักการปรับตัว
ให้เข้ากับผู้อื่นได้ดีขึ้น
กิจกรรมดนตรีแบบเดี่ยว เช่น การร้องเพลง เล่นดนตรีหรือเต้นรำคนเดียวต่อหน้าคนอื่น
ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านสังคม เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ยอมรับ
ของผู้อื่น รวมทั้งช่วยพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองและพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กไปในตัวด้วย ข้อควร
คำนึงสำหรับการทำกิจกรรมดนตรีแบบเดี่ยวก็คือ ผู้ใหญ่ต้องระวังไม่ให้กิจกรรมนี้เป็นลักษณะ “ฉันเก่ง
คนเดียว” หรือ “one man show”
ดนตรีพัฒนาสมอง
สมองของเราเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์ที่ทำงานหนักตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยทำหน้าที่เป็น
กองบัญชาการของระบบประสาทส่วนกลางทั้งหมดและควบคุมการรับรู้ประสาทสัมผัสต่างๆ ความรู้สึก
นึกคิด อารมณ์และการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ
สมองของเรานั้นมี ๒ ซีก คือ ซีกซ้ายจะเกี่ยวกับทางตรรกศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และการคิดเชิงวิเคราะห์ ซีกขวาเกี่ยวกับเรื่องของสุนทรียศาสตร์ ดนตรี ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์
จินตนาการต่างๆ
ดนตรีเปรียบเหมือน “ขนมหวาน” ที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของเด็กโดยตรง เพราะ
กิจกรรมดนตรีเป็นกิจกรรมที่ทำให้สมองของเด็กทั้งสองซีกทำงานอย่างสมดุล คือช่วยพัฒนาสมองซีก
ซ้ายและซีกขวาให้ทำงานไปพร้อมๆ กัน เพราะขณะฟังดนตรีเด็กจะรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และปล่อย
ความคิดจินตนาการไปตามบทเพลง ซึ่งส่งผลดีต่อสมองซีกขวา ส่วนตัวโน้ตหรือจังหวะเคาะของดนตรีที่
คล้ายกับการอ่านหนังสือแต่ละตัว ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้ายด้านภาษาและคณิตศาสตร์
เวลาที่เด็กได้ฟังดนตรี สมองต้องผ่านขั้นตอนการทำงานดังนี้
ได้ยินเสียง => เสียงเดินทางผ่านโสตประสาท => เข้าสู่สมอง => สมองแปลความหมายของเสียงที่ได้ยิน
การเลือกเพลงสำหรับเด็ก
๑. เพลงที่มีเนื้อร้อง
เพลงที่มีเนื้อร้องสำหรับเด็กนั้น ทำนองของเพลงจะต้องอยู่ในระดับเสียง c-c (๑ octave)
เนื้อหาของเพลงจะต้องสั้นและง่าย ใช้ถ้อยคำสุภาพ ใช้คำซ้ำๆ และคำศัพท์ในเนื้อเพลงต้องไม่ยากเกิน
ความเข้าใจของเด็ก สาระของเนื้อเพลงควรพูดถึงเรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก เช่น ครอบครัว โรงเรียน พืช สัตว์
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นต้น
ตัวอย่างเพลงที่เกี่ยวกับสัตว์
เพลงระบำไดโนเสาร์
คำร้องและทำนองโดย ดร.แพง ชินพงศ์
ดูซิดูเจ้าไดโนเสาร์ มันมีคอย๊าวยาว ชอบส่ายคอยึกยัก
อาย อ๊าย อาย ไม่ต้องอาย มาเต้นระบำไดโนเสาร์
ดูซิดูเจ้าไดโนเสาร์ มันบินขึ้นบินลง ส่ายสะโพกดุ๊กดิ๊ก
อาย อ๊าย อาย ไม่ต้องอาย มาเต้นระบำไดโนเสาร์
ดูซิดูเจ้าไดโนเสาร์ มันส่ายพุงอ้วนกลมเต้นระบำฮาวาย
อาย อ๊าย อาย ไม่ต้องอาย มาเต้นระบำไดโนเสาร์
๒. เพลงบรรเลง แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ
๑) เพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองและจังหวะช้า
ดนตรีเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึก การที่ให้เด็กฟังดนตรีไทยเดิม หรือดนตรี
คลาสสิคที่มีท่วงทำนองช้าไพเราะและมีเสียงธรรมชาติประกอบ เช่น เสียงนก เสียงฝนตกเบาๆ หรือเสียง
น้ำไหล จะมีผลต่อพัฒนาการทางสมอง อารมณ์และจิตใจของเด็กโดยตรง ดนตรีที่มีท่วงทำนองและ
จังหวะช้าจะกระตุ้นคลื่นสมองให้เด็กเกิดความสงบผ่อนคลายและเพิ่มสมาธิในการทำงาน เสียงดนตรี
บรรเลงที่มีท่วงทำนองช้าและไพเราะนี้จะช่วยส่งผลดีต่อการทำงานของสมองส่วนอารมณ์ที่เรียกว่า
นีโอคอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ลึกซึ้งที่เกี่ยวกับ IQ คือ ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดอย่างลึกซึ้ง
เพราะดนตรีไทยเดิมและดนตรีคลาสสิค เป็นดนตรีที่มีความละเอียดอ่อนซับซ้อน ทำให้เด็กสามารถคิด
อย่างเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่อง EQ คือการเรียนรู้ทางสังคมและการปรับตัวเข้ากับ
ผู้อื่น ซึ่งจะทำให้เด็กมีความเข้าใจตนเอง สิ่งแวดล้อมและผู้อื่นมากขึ้น
ตัวอย่างเพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองและจังหวะช้าที่เหมาะสำหรับเด็ก
ชื่อเพลง ชื่อผู้แต่ง
เพลงลาวดวงเดือน พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงศ์
กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม
เขมรไทรโยค สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
Jesu Joy of Man’s Desiring Bach
Clair de Lune Debussy
๒) เพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองและจังหวะเร็ว
เด็กๆ จะมีความสุขและรู้สึกสนุกเมื่อได้ยินเพลงหรือดนตรีที่มีท่วงทำนองและจังหวะที่เร็ว
ดนตรีประเภทนี้จะพัฒนาสติปัญญา (IQ) เด็ก ในเรื่องของความจำ คณิตศาสตร์และภาษา เพราะดนตรี
ก่อให้เด็กเกิดความสนใจและกระตือรือร้นในการที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว อีกอย่างหนึ่งคือดนตรีที่มี
จังหวะเร็ว ยังช่วยให้เด็กอยากเคลื่อนไหวร่างกาย กระโดดโลดเต้นตามท่วงทำนองและจังหวะของดนตรี
ซึ่งช่วยในการพัฒนาร่างกายของเด็กโดยตรง นอกจากนี้ดนตรีประเภทนี้ยังพัฒนาความฉลาดทาง
อารมณ์ (EQ) ของเด็กด้วย เพราะขณะที่เด็กได้ฟังและเคลื่อนไหวไปตามบทเพลง เด็กจะมีอารมณ์ร่าเริง
แจ่มใส มีความสุขและรู้สึกสนุกสนาน เป็นตัวของตัวเอง
ตัวอย่างเพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองและจังหวะเร็วที่เหมาะสำหรับเด็ก
ชื่อเพลง ชื่อผู้แต่ง
พม่าเขว ทำนองไทยโบราณ
ค้างคาวกินกล้วย ทำนองไทยโบราณ
Piano Sonata in A Major Mozart
Grande Valse Brillante in E Flat Major Chopin
เอกสารอ้างอิง
แพง ชินพงศ์. ๒๕๔๘. ดนตรีเพิ่มพลังสมอง. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แฮบปี้ แฟมิลี่ :
๒๕๔๙. ดนตรีแสนสุข. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แฮปปี้ แฟมิลี่ :
We can help our children learn alternative
ways of handling their emotions that won’t
get them into trouble with us or others.
Learning to talk about their feelings will
work better for them than throwing things.
ดร.แพง ชินพงศ์
นักวิชาการอิสระ